การ์ดจอคืออะไร และ มีหลักการทำงานอย่างไร
คอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานกันอยู่ในทุกวันนี้แม้ว่าคุณภาพพื้นฐานโดยรวมนับได้ว่าสามารถใช้งานได้อย่าง
ไม่มีปัญหา แต่สำหรับหลายๆ คนที่มีความจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพสูงกว่าปกติเพื่อสนอง
ความต้องการของตัวเอง การเรียนรู้และรู้จักส่วนประกอบที่สำคัญของคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยดึงศักยภาพ
การทำงานให้ดียิ่งขึ้นไปอีกถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก การ์ดแสดงผลหรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ
ของการ์ดจอนับว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญของเครื่องคอมพิวเตอร์อีกชิ้นหนึ่งที่เรียกได้ว่า คนที่มีความ
เชี่ยวชาญในด้านคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
การ์ดจอคืออะไร
การ์ดจอเปรียบเสมือนตัวการสำคัญที่ใช้สำหรับการแสดงผลต่างๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นการ
นำผลการประมวลที่ได้จากซีพียูส่งต่อไปยังหน้าจอ ลักษณะของการ์ดจอจะเป็นเหมือนแผงวงจรประเภท
หนึ่ง โดยปกติหากเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานทั่วๆ ไป อาทิ พิมพ์งาน หรือเล่นอินเตอร์เน็ต ก็จะใช้
การ์ดจอแบบ 2 มิติ คือไม่ได้แสดงผลอะไรที่ซับซ้อนมากนัก แต่ถ้าหากเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้
ประมวลผลเยอะและใช้เล่นเกมหรือทำกราฟฟิค 3 มิติ มากๆ ก็มีความจำเป็นทีจะต้องใช้การ์ดจอแบบ 3
มิติ เพื่อที่จะให้การแสดงผลนั้นมีความชัดเจนและได้ผลดีที่สุด
หลักการทำงานของการ์ดจอ
หากเป็นหลักการทำงานพื้นฐานของการ์ดจอนั้นจะเริ่มเมื่อโปรแกรมต่างๆ ที่เราใช้งานนั้นถูกส่งเพื่อให้มี
การประมวลผลที่ CPU เมื่อมีการประเมินผลเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะส่งผลประมวลที่ได้นั้นมายัง
การ์ดจอเพื่อให้การ์ดจอได้แสดงผลออกมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และการ์ดจอก็จะทำหน้าที่ในการแสดง
ผลที่ประมวลออกมานั้นให้ผู้ใช้งานได้รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยในปัจจุบันถ้าหากเป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ๆ ก็
จะมีระบบในการเพิ่มความเร็วในการแสดงผลแบบ 3 มิติ และมีการเพิ่มหน่วยความจำให้อย่างเต็มที่ที่สุด
เพื่อประโยชน์ในการใช้สอยให้มากที่สุด
การเลือกซื้อการ์ดจอที่เหมาะกับการใช้งาน
สำหรับการเลือกซื้อการ์ดจอเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานให้มากที่สุดนั้นสิ่งสำคัญจะอยู่ที่ตัวของผู้ใช้งานเป็นหลัก เพราะตัวของผู้ใช้งานนั้นจะต้องรู้ตัวเองว่าปกติแล้วตัวเองเป็นคนใช้งานคอมพิวเตอร์ในลักษณะไหนมากที่สุด ถ้าหากว่าเป็นการใช้แบบธรรมดาทั่วไปไม่ได้เพิ่มอะไรเข้าไปมาก การใช้การ์ดจอที่มาจากคอมพิวเตอร์ปกติก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ทว่าหากรู้ตัวเองว่าชื่นชอบการเล่นเกมส์ หรือจำเป็นต้องใช้โปรแกรมเกี่ยวกับกราฟฟิคที่มีความละเอียดสูงก็ควรที่จะเลือกใช้งานการ์ดจอที่มีคุณภาพสูงขึ้นอย่างการใช้การ์ดจอ 3 มิติ ซึ่งจะทำให้ได้ผลตามความต้องการอย่างที่ตั้งใจเอาไว้มากกว่า
ประเภทการ์ดจอ
อุปกรณ์ตัวนี้เป็นตัวสำคัญในการกำหนดว่าจะมีอะไรไปออกที่จอภาพได้บ้าง รวมไปถึงความละเอียด
และสีที่จะแสดงออกบนจอภาพ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างของวงจรบนการ์ด และมีส่วน สัมพันธ์กับ
ชอฟต์แวร์ที่จะให้ในการแสดงผลเป็นอย่างมาก ต่อไปนี้เราจะมาทำความรู้จักกับการ์ดแสดงผลในแต่ละ
แบบโดยเริ่มกันที่การ์ดแสดงผลรุ่นบุกเบิกของไอบีเอ็มคือ MDA
MDA (Monochrome Display Adapter) เป็นการ์ดแสดงผลรุ่นแรกของไอบีเอ็ม นิยมใช้กับจอ
โมโนโครมสามารถแสดงผลได้เฉพาะข้อความ (text) เท่านั้น และแสดงได้เพียงสีเดียวไม่สามารถแสดง
รูปกราฟิกใด ๆ ได้ เนื่องจากเป็นข้อจำกัดของการ์ดแสดงผลเอง ปัจจุบันนี้แทบจะไม่มีใช้กันแล้ว เพราะ
ว่าชอฟต์แวร์ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การแสดงผลกราฟิกและสีสันที่สวยงาม
CGA (Color Graphics Adapter) เป็นการ์ดรุ่นถัดมาของไอบีเอ็มที่สามารถแสดงได้ทั้งข้อความ
และรูปภาพ โดยสีที่แสดงจะได้สูงสุดถึง 16 สี แต่จะขึ้นอยู่กับความละเอียดในการแสดงผลด้วยกล่าว
คือ ถ้าความละเอียดในการแสดงผลมาก จำนวนสีที่แสดงได้ก็น้อยลง เช่น ถ้ามีความ-ละเอียดในการ
แสดงผลสูงสุด 640 X 200 จุด จะสามารถแสดงสีได้เพียง 2 สีเท่านั้น คือขาวกับดำแต่ถ้าเป็นความ
ละเอียด 320 X 200 จุด ก็จะแสดงสีได้ 4 สี เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องมาจากหน่วยความจำบนการ์ดมีอยู่อย่าง
จำกัดหน่วยความจำที่ว่านี้ก็คือวิดีโอแรมที่ใช้เก็บรูปภาพบนจอ ถ้านำหน่วยความจำนี้ไปใช้ในการเก็บสี
จำนวนมากแล้ว ก็จะเหลือหน่วยความจำที่ใช้เก็บรูปภาพได้น้อยลงดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ถ้าความละเอียด
ในการแสดงผลสูงขึ้นจำนวนสีที่แสดงได้ก็จะน้อยลง
เฮอร์คิวลิส (hercules) สืบเนื่องจากข้อจำกัดของการ์ดแสดงผลแบบ MDA ที่แสดงผลได้เฉพาะ
ข้อความบนจอโมโนโครมเท่านั้น การที่จะเปลี่ยนไปใช้การ์ดแสดงผลแบบ CGA เพื่อให้สามารถแสดง
รูปภาพที่เป็นกราฟิกได้ก็จำเป็นต้องไปหาซื้อจอสีมาใช้ ซึ่งจะมีราคาสูงกว่าจอโมโนโครมมากพอ
สมควร ดังนั้นจึงมีผู้คิดค้นพัฒนาการ์ดแสดงผลอีกแบบหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้สามารถแสดงผลทั้งข้อความ
และรูปภาพบนจอโมโนโครมได้ การ์ดที่ว่านี้ก็คือการ์ดเฮอร์คิวลิส ซึ่งคิดค้นโดยบริษัทเฮอร์คิวลิส
เทคโนโลยี แล้วการ์ดแสดงผลแบบเฮอร์คิวลิสหรืออาจจะเรียกกันในชื่อโมโนโครมกราฟิกอะแดปเตอร์
ที่เรียกกันเช่นนี้ก็เนื่องจากหน่วยความจำบนการ์ดสูงมากถึง 64 กิโลไบต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการทำเป็น
วิดีโอแรมทั้งสำหรับการใช้งานในโหมดของข้อความและรูปภาพพร้อม ๆ กัน ซึ่งปัจจุบันนี้การ์ดชนิดนี้ได้
กลายเป็นมาตรฐานสำหรับจอโมโนโครมไป
EGA เมื่อชอฟต์แวร์ทางด้านกราฟิกต้องการอุปกรณ์แสดงผลที่มีความละเอียดสูงขึ้นและแสดงสี
ได้มากขึ้น ซึ่งการ์ดแสดงผลแบบ CGA ไม่สามารถรองรับงานแบบนี้ได้ ไอบีเอ็มจึงได้ออกการ์ดแสดง
ผลแบบใหม่ที่เรียกว่า EGA (Enhanced Graphic Adapter) การ์ดรุ่นใหม่นี้มีความสามารถที่สูงขึ้นกว่า
การ์ด CGA มากนัก กล่าวคือ มีหน่วยความจำบนการ์ด 128 กิโลไบต์ หรืออาจจะติดตั้งได้ถึง 256 กิโล
ไบต์ ความละเอียดในการแสดงผลสูงถึง 640 X 350 จุด แสดงสีได้พร้อมกัน 16 สีจากที่มีให้เลือก 64
สี การ์ดรุ่นใหม่นี้ต้องใช้กับจอ EGA ของไอบีเอ็ม หรืออาจจะเป็นจอสียี่ห้ออื่นที่สนับสนุนการ์ดแสดงผล
แบบ EGA ก็ได้การ์ดแสดงผลแบบ EGA นี้ นอกจากจะทำงานในลักษณะที่มีความละเอียดและจำนวน
สีสูงกว่าการ์ด CGA แล้ว ยังสามารถทำงานเลียนแบบหรือแทนการ์ดแบบ CGA ได้อีกด้วยบรรดา
ขอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาเพื่อใช้แสดงผลออกมาทางการ์ CGA สามารถนำมาใช้กับ EGA ได้ด้วยแต่อาจ
จะไม่เสมอไป เนื่องจากวงจรภายในของการ์ด EGA มีชิปไอซีที่แตกต่างไปจากการ์ CGA ทำให้การ
ทำงานภายในแตกต่างกัน โดยทั้งนี้ภายในการ์ด EGA จะมีโปรแกรมไบออสที่คอยควบคุมการทำงาน
โปรแกรมตัวนี้จะจัดการปรับการทำงานกับวงจรภายในตการ์ด EGA ให้เข้ากับโปรแกรมที่ทำมาสำหรับ
การ์ด CGA ได้ แต่ทั้งนี้โปรแกรมนั้น ๆ จะต้องส่งข้อมูลออกทางจอภาพผ่านไบออสนี้เท่านั้น ถ้า
เป็นการเขียนข้อมูลลงวิดีโอแรมโดยตรงเพื่อแสดงผลโดยไม่มีการเรียกใช้ไบออสก็จะเกดความไม่เข้า
กันทำให้ใช้งานไม่ได้การ์ดขนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยหนึ่ง จนทำให้มีผู้ผลิตการ์ดขนิดนี้
ตามออกมาอย่างมากมาย โดยพยายมปรับปรุงรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีขึ้นกว่าของไอบีเอ็ม เช่น ทำให้มี
ขนาดเล็กลงความละเอียดในการแสดงผลที่สูงขึ้น และในราคาที่ต่ำกว่าของไอบีเอ็ม
PGA (Professional Graphic Adapter) เป็นการ์ดแสดงผลอีกรุ่นหนึ่งของไอบีเอ็ม ที่มีความ
สามารถในการแสดงผลสูงกว่า EGA โดยสามารถแสดงสีได้ 256 สีพร้อมกันจากทั้งหมด 4096 สี
ความละเอียดถึง 640 X 480 จุด การ์ดชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับจอ PGA โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับ
ใช้งานกับโปรแกรมที่เน้นทางด้านกราฟิก เช่น CAD/CAM หรือโปรแกรมวาดรูปต่าง ๆ ถ้าจะสังเกตให้ดี
คุณภาพของการ์ดนี้จะพอ ๆ กับการ์ดแบบ EGA ของบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ไอบีเอ็ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความ
ละเอียดหรือสีดังนั้นการ์ดขนิดนี้จึงไม่แพร่หลายเท่าที่ควร โดย-เฉพาะในบ้านเราจะไม่ค่อยได้ยินชื่อ
การ์ดชนิดนี้กันมากนัก
MCGA (Multi-Color Graphics Array) เป็นการ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ที่ไอบีเอ็มออกมาเพื่อให้ใช้งาน
กับเครื่อง PS/2 ในรุ่นเล็ก ๆ (model 25 และ 30) ความสามารถในการแสดงผลจะสูงกว่าEGA คือ
ความละเอียดสูงถึง 640 X 480 จุด แสดงสีได้ 2 สี แต่ถ้าเป็นโหมดความละเอียด320 X 200 จุด จะ
สามารถแสดงสีได้ถึง 256 สี การ์ดชนิดนี้สามารถทำได้ทุกอย่างเทียบเท่ากับการ์ด แต่จะยกเว้นเพียง
บางโหมของ EGA เท่านั้น
VGA (Video Graphics Array) เป็นการ์ดแสดงผลสำหรับเครื่อง PS/2 อีกรุ่นหนึ่งที่มีความ
สามารถสูงกว่า MCGA โดยสามารถแสดงสีได้ถึง 16 สี ที่ความละเอียด 640 X 480 จุดหรือจะเลือก
ความละเอียด 320 X 200 จุด ซึ่งเลือกสีได้มากถึง 256 สี การออกแบบการ์ด VGAนั้นมุ่งเน้นไปที่ให้มี
ความสามารถในการรองรับการแสดงผลทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น CGA หรือ EGA ดังนั้น ชอฟต์แวร์ที่
เขียนขึ้นมาเพื่อให้ใช้กับการ์ดแสดงผลแบบ CGA และ EGA จึงสามารถนำมาใช้กับ VGA ได้ และ
คุณภาพของภาพก็จะดีกว่าด้วย การ์ดแสดงผลแบบ VGA นี้ได้รับความนิยมอย่างสูง จนมีบรรดาผู้ผลิต
รายอื่น ๆหันมาผลิตการ์ดที่คอมแพตกับไอบีเอ็มมากขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่าปัจจุบัน VGA ได้กลายเป็น
มาตรฐานของการแสดงผลไปแล้ว โดยจะเห็นได้จากเครื่องพีซีหลาย ๆ ยี่ห้อได้สร้างการ์ด VGA ติดมา
กับเมนบอร์ดเลย ทำให้มาตรฐานการแสดงผลเป็นแบบ VGA ไปโดยปริยาย
Super VGA มักจะมีการกล่าวถึง Super VGA .ในทางช่วยส่งเสริม เช่น มีสีมากขึ้นหรือมีความ
ละเอียดสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้มั่นใจในความเข้ากันได้กับ VGA คำแนะนำของ VESA คือจะต้องมีความ
ละเอียด 800 X 600 และ 16 สี แต่ผู้ผลิตมักจะผลิตบอร์ดที่มี256 สี หรืออาจจะกล่าวถึงบอร์ดที่ให้
ความละเอียด 1,024 X 768 ว่าเป็น Super VGA อย่างไรก็ดี ก็มีปัญหาคือจำนวนมาตรฐานของการ
แสดงภาพกราฟิกที่มีอยู่มากมาย มาตรฐาน VGA เองจะรวมโหมดการแสดงผลไว้ 17 โหมด ซึ่งเป็นวิธี
การต่าง ๆ ในการแสดงภาพบนจอโหมดเหล่านี้ส่วนมากจะเข้ากันได้ย้อนหลังกับมาตรฐานก่อน ๆ ที่มี
ความสำคัญมากคือ colorgraphics adapter (CGA) enhanced graphics adapter (EGA) และ
monochrome
display adapter (MDA) ถ้าตัดมาตรฐานก่อน ๆ ออก ก็จะเหลือ Super VGA (ใช้เป็นมาตรฐานที่
ไม่ค่อยมาตรฐานนัก)
อะแดปเตอร์ 8511/A ของ IBM สำหรับเครื่อง MCA และมาตรฐาน extended graphics array
(XGA) ของ IBM มาตรฐานเหล่านี้ทั้งหมดให้สีหรือความละเอียดสูงกว่า VGA นั่นไม่ได้รวมอะแดป
เตอร์ต่าง ๆ ที่ใชิป continonous edge graphics (CEG) ใหม่ ซึ่งกล่าวไว้ว่าจะให้สีมากกว่า 740,000 สีบน
จอภาพของคุณในเวลาเดียวกัน และมากเป็นพิเศษดได้แม้แต่บนการ์ดความละเอียด 1,600 X 1,200 จุด
ก็ยังสามารถให้สีได้มากกว่าล้านสีก่อนที่คุณจะผลุนผลันออกไปซื้ออะแดปเตอร์แสดงผล มีสิ่งที่ควรจำ
ไว้หนึ่งข้อนั่นคือชอฟต์แวร์ ชอฟต์แวร์ใหม่ส่วนมากจะรวมส่วนสนับสนหุนสำหรับโหมด VGA มาตรฐาน
กับการ์ดแสดงผลอื่น ๆ คุณได้แต่หวังว่าผู้ผลิตจะรวมไดรเวอร์ สำหรับชอฟต์แวร์ให้ด้วย เรื่องนี้อาจจะไม่
เป็นปัญหา
ถ้าคุณใช้ Lotus 1-2-3 Auto CAD, Windows หรือ Ventura Publisher นอกเหนือจากพวกนี้ คุณ
จะต้องมั่นใจว่าผู้ผลิตจัดเตรียมไดรเวอร์ที่คุณต้องการให้ก่อนที่คุณจะซื้อการ์ดใหม่เรื่องแบบนี้มีการ
เปลี่ยนแปลงทุกวัน ดังนั้นถามไว้เสมอว่ารวมไดรเวอร์ให้ด้วยแล้วเรื่องสำคัญที่ออกมาอีกเรื่องหนึ่งคือ
จอภาพที่คุณมีอยู่สามารถที่จะสนับสนุนความละเอียดที่สูงกว่าซึ่งมีอยู่ในการ์ดหรือไม่ ถ้าคุณมีจอภาพ
แบบ CGA หรือ EGA คอมแพติเบิล คุณมีโอกาสที่จะต้องใข้จอภาพใหม่เพื่อเอาส่วนดีของ VGA
หรือบอร์ดแสดงผลที่ดีกว่ามาใช้งานจอภาพรุ่นเก่าใช้ดิจิตอลอินเตอร์เฟช ในขณะที่ VGA ต้องการแอ
นะล็อกอินเตอร์เฟช มีเพียงจอภาพหลายความถึ่เท่านั้นที่ให้คุณใช้ได้ทั้งระบบดิจิตอลและแอนะล็อก แต่
ก็ไม่ใช่ว่าจอภาพหลายความถี่ทุกเครื่องจะทำงานกับการ์ด VGA ได้ จอภาพต้องทำงานได้ภายใน
ความถี่ที่สแกนในแนวนอนและแนวตั้งที่มาตรฐานต้องการและคุณตั้งใจจะใช้ (ดูบทที่ 4 เรื่องจอภาพ
และความต้องการต่าง ๆ) 8514/A ชื่อ 8514 นั้นเป็นชื่อจอภาพรุ่นหนึ่งของไอบีเอ็ม ในปี ค.ศ. 1987 ดัง
นั้น การ์ดแสดงผลแบบนี้จึงใข้เฉพาะในเครื่องตระกูล PS/2 รุ่นสูง ๆ ของไอบีเอ็มเท่านั้น การ์ด
แสดงผลชนิดนี้จะมีความละเอียดที่สูงกว่า VGA ขึ้นไปอีก โดยสามารถแสดงสีได้สูงสุด 256 สี
ที่ความละเอียด 1024 X 768 จุด การ์ดรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ไอบีเอ็มหมายมั่นปั้นมือจะให้มาแทน VGA ใน
เครื่อง PS/2รุ่นใหม่ ๆ แต่ข้อเสียที่ให้อภัยไม่ได้ของ 8514/A ก็คือ ไม่คอมแพทิเบิลกับ VGA ทำให้
ชอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาบน VGA นำมาใช้กับ 8514/A ได้น้อยมาก ดังนั้นไอบีเอ็มจึงได้พัฒนา
การ์ดแสดงผลแบบใหม่ที่จะมาใช้กับเครี่อง PS/2 รุ่นสูง ๆ โดยใช้ชื่อว่า XGA
XGA ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของการแสดงบนเครื่อง PS/2 รุ่นใหม่ เช่น ในโมเดลสูง ๆ การ์ด
ชนิดนี้จะมีความคอมแพตกับ VGA เต็ม 100 % จึงสามารถนำชอฟต์แวร์ของเดิมมาใช้ได้ทันที่
นอกจากจะคงความคอมแพตแล้ว XGA ยังได้เพิ่มความสามารถพิเศษหลาย ๆ อย่างเข้าไปอีก จึง
ทำให้ XGA เหมาะสำหรับการติดตั้งเข้ากับเมนบอร์ดของเครื่องPS/2 รุ่นสูง ๆ จึงอาจกล่าวได้ว่า
XGA เป็นการรวมเอาความสามารถของ VGA และ 8514/A เข้าไว้ด้วยกัน การพัฒนาการ์ด XGA นั้น
มุ่งหน้นให้คงความคอมแพตกับ VGA เพื่อให้ชอฟต์แวร์เดิม ๆ ที่พัฒนามาบน VGA สามารถนำมาใช้
กับ XGA ได้ทันที นอกจากนั้นยังได้เพิ่มการควบคุมบัสแบบใหม่เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากบัส
แบบ MCA ได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งใช้
ฮาร์ดแวร์เคอร์เชอร์ที่ให้ผู้ใช้ใช้งานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น รวมทั้งไอบีเอ็มยังได้จัดเตรียมราย
ละเอียดการใช้งานและคุณสมบัติของ XGA เอาไว้อย่างละเอียด ซึ่งผู้พัฒนาชอฟต์แวร์สามารถนำ
ข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการเขียนแอพพลิเคชันเพื่อรองรับการทำงานกับ XGA ได้ การทำงานของ XGA
จะแบ่งออกเป็น 3 แบบที่ต่างกัน คือ VGA ปกติ VGA
แบบ 132 คอลัมน์และ XGA การทำงานในโหมดของ VGA นั้นจะเหมือนกับ VGA การ์ดทุก
ประการ เพียงแต่เพิ่มเติมอินเทอร์นัลไรท์แคช internal write cache) ที่ทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ให้กับซีพียู
ไว้สำหรับพักข้อมูลในขณะที่ทำการเขี่ยนข้อมูลลงบนจอภาพ ทำให้การทำงานของ XGA สูงกว่าการ์ด
VGA การ์ดโดยทั่วไปจากการทดสอบของไอบีเอ็มพบว่าเมื่อ XGA ทำงานในแบบการ์ด VGA จะเร็ว
กว่าการ์ด VGA แบบเดิมถึง 20 % ในดอส หรือเร็วขึ้นประมาณ 50 % ในไมโครชอฟต์วินโดว์
นอกจากความเร็วที่สูงขึ้นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะยังคงเหมือนกับ VGA ทุกประการสำหรับการทำงานใน
โหมดของ XGA นั้น จะมีความละเอียดและจำนวนสีที่มากกว่าการ์ด VGA โดยจะมีจำนวนสีถึง
65,536 สี ความละเอียดสูงสุด 1024 X 768 จุด ความสามารถอื่นที่เพิ่มเข้ามาคือฟังก์ชันการควบคุม
บัส
ความเร็วในการวาดภาพสูงขึ้น และมีฮาร์ด
แวร์เคอร์เชอร์ พร้อมทั้งหน่วยประมวลผลร่วมทางด้านกราฟิกทำให้สามารถสร้างภาพกราฟิกได้เร็ว
ขึ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานด้านกราฟิกที่ต้องการความเร็วและความละเอียดสูง ๆความละเอียดของ
กราฟิกใน XGA เลือกได้จาก 640 X 480 จุด หรือ 1024 X 768 จุดซึ่งจะต้องมีหน่วยความจำในส่วน
ของวิดีโอแรมขนาด 1 เมกะไบต์ เพื่อรองรับความละเอียดและจำนวนสีระดับนี้ให้ได้ปัญหาอย่างหนึ่ง
ของการพัฒนาโปรแกรมในแบบมัลติทาสกิง ก็คือ การเก็บสภาวะ
ของจอเมื่อมีการสวิตช์ไปมาระหว่างโปรแกรมต่าง ๆ XGA ได้แก้ปัญาหานี้โดยออกแบบให้มี
ฟังก์ชันในการเก็บสภาวะของจอและการดึงสภาวะเดิมกลับมาไว้ในตัว ทำให้การพัฒนาโปรแกรมบันมัลติ
ทาสกิงทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้น XGA ยังสามารถกำหนดหน่วยความจำบนจอภาพให้มีตำแหน่งตรง
กับหน่วยความจำของซีพียูเพื่อเให้ซีพียูสามารถใช้หน่วยความจำนั้นวาดภาพและแก้ไขได้โดยไม่ต้องคัด
ลอกไปมาระหว่างจอภาพกับหน่วยความจำ เป็นผลให้ความเร็วในการทำงานสูงกว่าปกติขึ้นอีกมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น